ช่วงที่ผ่านมาถ้าตามเทรดด้วย NEoWave จะเทรดยากมาก เพราะมันมีความออกข้าง ซึ่ง NEoWave จะเล่นเป็นเล่นรอบ หรือตามแนวโน้ม-ลง/ขึ้น ที่ผ่านมาช่วงเดือนธันว่าคมนี่ออกข้างนานมาก และไม่ใช่รูปแบบ Normal Correction ด้วย แต่คาดการณ์นะ ว่าจะเป็นรูปแบบ Complex Correction หรือ Non-Standard Correction ความหมายเดียวกัน การออกข้างแบบนี้จะเป็นการสะสมพลังสูง ถ้ามันเกิดในคลื่น segment ที่ 2 มันจะมีพลังมากพอที่จะส่งให้ segment ที่ 3 มันเป็น 3x หรือ elongated c ได้เลยครับ
และการที่เราเล่นแบบตามแนวโน้ม แล้วผมเล่นเก็บ pip ในการขึ้นและลงเยอะๆ เพราะผมจะใช้เงินลงทุนที่น้อยมากกก เรียกได้ว่าคงคอนเซปต์ Low risk, High Return น่ะครับ
ดังนั้นที่ผ่านมาจะเทรดยากมาก และจะเป็นทุกครั้งด้วยที่เกิดพวก Large X Wave มันจะเทรดยาก หาเป้าหมายยาก ได้แต่ตีกรอบไว้แค่นั้นแหละครับ หรือใครมีวิธีที่ดีกว่านี้ ก็คอมเมนท์เลยครับ
ช่วง Corrective เราจะเลี่ยงเทรดเพราะมันจะเทรดยาก และมีโอกาสผิดสูงมากกว่า (สังเกตุง่ายๆจากรูปแบบ Corrective ที่เยอะเอามากๆ)
จะเทรดเฉพาะช่วง Impulsive เท่านั้นครับจะให้กำไรที่ไวและรวดเร็วกว่าไปรอครับ
"การหาจุดเข้าก็เหมือน การแล่นเรือใบ ถ้าเราไปแล่นเรือในวันที่มันไม่มีลม เรือเราก็คงจะไม่ไปไหนใช่มั้ยครับ ดังนั้นเราก็ต้องออกเรือในวันที่มีลมมาเพื่อให้เรือเราแล่นได้ แต่ในตลาดเงิน ตลาดการลงทุน ลมในที่นี้ก็เหมือนเงินทุนของนักลงทุนสถาบันใหญ่ๆ ที่อัดเม็ดเงินเข้ามา ทำให้ราคามีการเคลื่อนที่เป็นแนวโน้มใดแนวโน้มหนึ่ง หรือจะเรียกว่าเป็นพวก Market Maker ก็ได้ครับ เราก็จะเอาเงินทุนเรานั่นแหละ ไปใส่ในตอนที่มีเงินนักลงทุนสถาบันเข้ามา และเกาะติดเทรนด์นั้นไปด้วยครับ หลักการมันง่ายๆแค่นี้เลย"
และการที่เราเล่นแบบตามแนวโน้ม แล้วผมเล่นเก็บ pip ในการขึ้นและลงเยอะๆ เพราะผมจะใช้เงินลงทุนที่น้อยมากกก เรียกได้ว่าคงคอนเซปต์ Low risk, High Return น่ะครับ
ดังนั้นที่ผ่านมาจะเทรดยากมาก และจะเป็นทุกครั้งด้วยที่เกิดพวก Large X Wave มันจะเทรดยาก หาเป้าหมายยาก ได้แต่ตีกรอบไว้แค่นั้นแหละครับ หรือใครมีวิธีที่ดีกว่านี้ ก็คอมเมนท์เลยครับ
ช่วง Corrective เราจะเลี่ยงเทรดเพราะมันจะเทรดยาก และมีโอกาสผิดสูงมากกว่า (สังเกตุง่ายๆจากรูปแบบ Corrective ที่เยอะเอามากๆ)
จะเทรดเฉพาะช่วง Impulsive เท่านั้นครับจะให้กำไรที่ไวและรวดเร็วกว่าไปรอครับ
"การหาจุดเข้าก็เหมือน การแล่นเรือใบ ถ้าเราไปแล่นเรือในวันที่มันไม่มีลม เรือเราก็คงจะไม่ไปไหนใช่มั้ยครับ ดังนั้นเราก็ต้องออกเรือในวันที่มีลมมาเพื่อให้เรือเราแล่นได้ แต่ในตลาดเงิน ตลาดการลงทุน ลมในที่นี้ก็เหมือนเงินทุนของนักลงทุนสถาบันใหญ่ๆ ที่อัดเม็ดเงินเข้ามา ทำให้ราคามีการเคลื่อนที่เป็นแนวโน้มใดแนวโน้มหนึ่ง หรือจะเรียกว่าเป็นพวก Market Maker ก็ได้ครับ เราก็จะเอาเงินทุนเรานั่นแหละ ไปใส่ในตอนที่มีเงินนักลงทุนสถาบันเข้ามา และเกาะติดเทรนด์นั้นไปด้วยครับ หลักการมันง่ายๆแค่นี้เลย"